ถ้าซื้อสินค้าหรือบริการทางอินเทอร์เน็ต แต่ไม่ได้รับสินค้าหรือบริการ หรือสินค้าไม่ถูกต้องหรือชำรุดเสียหาย ผู้ซื้อควรจะทำอย่างไร

ปัญหาที่ผู้บริโภคมักประสบจากการสั่งซื้อสินค้าทางอินเทอร์เน็ต
อาจมีลักษณะเช่นเดียวกันปัญหาที่เกิดขึ้นในการซื้อขายตามปกติ ได้แก่
1. ผู้ซื้อไม่ได้รับสินค้า
หรือให้บริการตามที่ตกลงกัน
2. สินค้าที่ได้รับไม่ตรงกับรายการที่สั่งซื้อ
3. สินค้าที่สั่งซื้อชำรุดเสียหาย
ไม่สามารถใช้การได้

ข้อพึงปฏิบัติ
การแก้ไข
หากผู้ซื้อสั่งซื้อสินค้าทางอินเทอร์เน็ตแต่ไม่ได้รับสินค้าจากผู้ขายในต่างประเทศ
หรือสินค้าที่ได้รับไม่ตรงกับรายการที่สั่งซื้อ หรือสินค้าที่สั่งซื้อชำรุดเสียหาย
ไม่สามารถใช้การได้แล้วแต่กรณีแต่เดิมนั้นผู้บริโภคที่ใช้บัตรเครดิตอาจไม่ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย ต่อมาจึงมีการออก“ประกาศคณะกรรมการว่าด้วยสัญญา เรื่อง
ให้ธุรกิจบัตรเครดิตเป็นธุรกิจที่ควบคุมสัญญา พ.ศ.2542” (มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2543)
ซึ่งเป็นกฎหมายที่ออกโดยอาศัยอำนาจของ มาตรา 35 ทวิ แห่ง“พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522” เป็นผลทำให้ผู้ถือบัตรเครดิตซึ่งรวมถึงบัตรเดบิตด้วยได้รับความคุ้มครองเมื่อชำระค่าสินค้า
ค่าบริการทางอินเทอร์เน็ต กล่าวคือ ผู้ซื้อมีสิทธิขอยกเลิกการซื้อสินค้าหรือรับบริการนั้น
ภายในระยะเวลา 45 วัน นับแต่วันสั่งซื้อ หรือภายใน 30วัน นับแต่วันถึงกำหนดส่งมอบสินค้าหรือบริการ
เมื่อมีกำหนดเวลาไว้เป็นลายลักษณ์อักษรแต่ผู้บริโภคต้องพิสูจน์ว่าไม่ได้รับสินค้าจริง หรือได้รับไม่ตรงกำหนดเวลาหรือได้รับไม่ครบถ้วน ไม่ถูกต้อง หรือชำรุดบกพร่องแล้วแต่กรณี

ไม่มีความคิดเห็น: