ผู้ถือบัตรเครดิตต้องรับผิดชอบหรือไม่ ถ้ามีผู้อื่นนำบัตรไปใช้ชำระค่าสินค้าและบริการทางอินเทอร์เน็ต และมีข้อพึงปฏิบัติเพื่อป้องกันอย่างไร

ต่อไปนี้เป็น ข้อพึงปฏิบัติของผู้บริโภคเพื่อป้องกันและวิธีแก้ไขปัญหา

ข้อพึงปฏิบัติ

ผู้ซื้อควรเลือกซื้อสินค้าหรือบริการจากผู้ขายที่น่าเชื่อถือคือ
มีรายละเอียดชื่อ ที่อยู่ของผู้ขายสินค้า หรือวิธีที่สามารถติดต่อได้
หากไม่มั่นใจผู้ขาย
ก็ควรหลีกเลี่ยงไปใช้บริการของร้านค้าที่เป็นที่รู้จัก
การชำระเงินด้วยบัตรเครดิตทางอินเทอร์เน็ต
ผู้ถือบัตรไม่ควรให้ข้อมูลบัตรเครดิต เช่น หมายเลขบัตร วัน เดือน ปีที่บัตรหมดอายุ
หรือข้อมูลส่วนบุคคลแก่ผู้ขายที่ไม่น่าไว้วางใจ
หรือไม่มีระบบรักษาความปลอดภัยขณะชำระเงิน (สังเกตจาก https:// หรือเครื่องหมายแม่กุญแจที่ล็อกอยู่)
สอบถามหรือตรวจสอบสัญญาหรือเงื่อนไขบัตรชนิดต่างๆ
กับธนาคารหรือบริษัทที่ออกบัตรเครดิต บัตรเดบิต
หรือบัตรที่สามารถชำระเงินทางอินเทอร์เน็ตได้ว่า ผู้ถือบัตรจะได้รับความคุ้มครองในกรณีใดบ้าง
และมีข้อควรปฏิบัติอย่างไรเมื่อพบรายการผิดปกติใดๆ
หรือเชื่อว่าตนอาจถูกหลอกหรือมีผู้ใช้บัตรเครดิตโดยไม่ได้รับอนุญาต
ควรรีบแจ้งให้เจ้าหน้าที่ของบริษัทหรือธนาคารที่ออกบัตรทราบ
และทำหนังสือปฏิเสธการใช้บัตรเพื่อระงับรายการนั้นไว้ชั่วคราว
ถ้าผลการตรวจสอบพบว่า ผู้ถือบัตรไม่ได้ใช้บัตรจริง
ธนาคารผู้ออกบัตรจะไม่เรียกเก็บเงิน หรือหากได้ชำระเงินไปแล้ว
ก็จะคืนเงินให้แก่ผู้ถือบัตร จนกว่าจะมีการตรวจสอบข้อมูลของฝ่ายผู้ออกบัตรแล้ว
ทั้งนี้ ผู้บริโภคที่เป็นผู้บริโภคจะต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขตามข้อตกลงระหว่างผู้ออกบัตรและผู้ถือบัตร
จะเห็นได้ว่าผู้บริโภคได้รับความคุ้มครองจากการใช้บัตรเครดิตของบุคคลอื่นทางอินเทอร์เน็ต
ซึ่งตนไม่ได้ให้ความยินยอม เนื่องจากธนาคารผู้ออกบัตรจะต้องปฏิบัติตาม “ประกาศคณะกรรมการว่าด้วยสัญญา เรื่องให้ธุรกิจบัตรเครดิตเป็นธุรกิจที่ควบคุมสัญญา
พ.ศ. 2542” ที่ประกาศให้การประกอบธุรกิจบัตรเครดิตเป็นธุรกิจที่ควบคุมสัญญา
ผู้ออกบัตรจะต้องใช้ข้อสัญญาที่มีเนื้อความตามประกาศ





อ้างอิง : ศูนย์พัฒนาพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์.2546.
กฎหมายพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์คืออะไร. [Online].
Available: URL : http://www.ecommerce.or.th/faqs/faq6-1.html

ไม่มีความคิดเห็น: